หากจะทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพ เราควรอัพเดทข้อมูลในแต่ละปีว่ามีอะไรบ้างที่ปรับเปลี่ยนไปเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด และอยู่เหนือคู่แข่ง
ในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้า หรือ บริการผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น
โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และ แอปพลิเคชัน เราจึงไม่ควรพลาดโอกาสที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจากการศึกษาเทรนในแต่ละปี
1. การใช้ AI เข้ามาช่วยในการตลาด
ปัจจุบัน AI (artificial intelligence) เข้ามีบทบาทและถูกนำมาใช้ในธุรกิจอย่างแพร่หลาย รวมถึงการทำการตลาดด้วย โดยจุดประสงค์ในการนำ AI มาใช้สำหรับธุรกิจ หรือ แคมเปญต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคาระห์ข้อมูลลูกค้าหรือติดตามการขาย
นอกจากนี้ AI ยังช่วยในการคาดการณ์รูปแบบพฤติกรรมของลูกค้า ช่วยลดปริมาณงานและการทำงานที่ซับซ้อนของพนักงานได้อีกด้วย
ซึ่งคุณอาจจะเคยผ่านการใช้งาน AI มาแบบไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างเช่น คุณจะเห็นโฆษณาที่ปรากฎขึ้นตรงกับสิ่งที่คุณค้นหาบนโซเชียลมีเดีย เป็นต้น จากสถิติ 57% ของนักการตลาด ใช้ AI เข้ามามีส่วนในขั้นตอนการทำงานและการวางกลยุทธ์ ซึ่งคาดการณ์ว่า AI จะเติบโตขึ้นอีก 53% ในปีหน้านี้
2. การค้นหาด้วยเสียง (voice search)
การค้นหาด้วยเสียงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตได้จากการใช้งานผ่านเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ลำโพงอัจฉริยะ สมาร์ทโพน แท็บเล็ต เป็นต้น
จากการศึกษาพบว่าในปี 2021 70 % การค้นหาด้วยเสียงถูกนำมาใช้ในการค้นหาข้อมูล ซึ่งมีผลกระทบต่อการค้นหา keywords โดยต้องใช้ keywords ที่ยาวขึ้นและอยู่ในรูปแบบของการสนทนา
3. การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
(customer experience)
จากผลสำรวจพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกซื้อสินค้า หรือ บริการ จากประสบการณ์และความสมเหตุสมผล ดังนั้นจึงควรออกแบบหน้าตาให้แอปพลิเคชันตอบโจทย์ในการขายบนเพลตฟอร์มนั้น ๆ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดปัญหาและลดโอกาสในการสูญเสียลูกค้า เนื่องจากการใช้งานที่ใช้เวลานานและยุ่งยากนั่นเอง
แน่นอนว่าโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถทำการตลาดกับลูกค้าได้โดยตรง โดย 60% ของผู้ใช้งาน Instagram ค้นพบสินค้าใหม่ ๆ บนแพลตฟอร์มนี้ และ ผู้ใช้งาน Pinterest มากกว่า 4,000 คนพบสินค้าใหม่ ๆ ใน Pinterest เช่นกัน
4. การทำการตลาดด้วยวีดีโอ (video marketing)
จากผลสำรวจพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกซื้อสินค้า หรือ บริการ จากประสบการณ์และความสมเหตุสมผล ดังนั้นจึงควรออกแบบหน้าตาให้แอปพลิเคชันตอบโจทย์ในการขายบนเพลตฟอร์มนั้น ๆ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดปัญหาและลดโอกาสในการสูญเสียลูกค้า เนื่องจากการใช้งานที่ใช้เวลานานและยุ่งยากนั่นเอง
แน่นอนว่าโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถทำการตลาดกับลูกค้าได้โดยตรง โดย 60% ของผู้ใช้งาน Instagram ค้นพบสินค้าใหม่ ๆ บนแพลตฟอร์มนี้ และ ผู้ใช้งาน Pinterest มากกว่า 4,000 คนพบสินค้าใหม่ ๆ ใน Pinterest เช่นกัน
5. รูปแบบการซื้อโฆษณาผ่านโปรแกรมการจัดการอัตโนมัติ (Programmatic Advertising)
การซื้อโฆษณาผ่านโปรแกรมอัตโนมัติได้เปลี่ยนทิศทางการโฆษณาออนไลน์อย่างรวดเร็ว โดยการใช้ AI เข้ามาจัดการการสั่งซื้อและกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเจาะจง ตัวอย่างเช่น Real-time bidding (RTB) เป็นการเสนอราคาแบบเรียลไทม์ผ่านโปรแกรมสำเร็จรูป เป็นต้น
6. เนื้อหาและบทความที่ใช้ในการตลาดมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้น
บทความที่ใช้ในการตลาดมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีความหลากหลายมากขึ้น เนื้อหาหรือบทความคือเหตุผลหลักเพื่อจะดึงให้ลูกค้าอยู่ในหน้าเว็บไซต์นานขึ้น อาจแยกออกเป็น บทความ รูปภาพ วิดีโอ เป็นต้น
7. แชทบอท (Chatbot)
เริ่มมีการนำแชทบอทมาใช้มากขึ้น เพราะแชทบอทมีความใกล้เคียงกับการตอบโดยใช้คน ด้วยเทคโนโลยี AI ในปัจจุบันนี้ กว่า 89% ของธุรกิจต่าง ๆ มีความต้องการที่จะให้บริการลูกค้าด้วย
แชทบอท
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแชทบอทถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายโดย 45% ของลูกค้ามีความรู้สึกว่าการสื่อสารผ่านแชทบอทมันดีกว่าการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้า
องค์กรและบริษัทต่าง ๆ ที่ใช้แชทบอทในแผนกบริการลูกค้าจะสามารถดูแลลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถรับมือกับกรณีที่มีลูกค้าจำนวนมาก
8. เทคโนโลยี AR และ VR
กระแสของ AR (Augmented reality) และ VR (Virtual reality) เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ผ่านการพัฒนามาให้ใช้ในกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสาร
AR และ VR ทำให้การสื่อสารระหว่างคุณและลูกค้าให้ดูสมจริงมากขึ้นในตอนที่พวกเขาไม่มีเวลาที่จะมาเยี่ยมชมร้านค้าของคุณ
การประยุกต์ใช้ AR จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกชมสินค้าได้อย่างเสมือนจริงและยังทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่น่าจดจำอีกด้วย
9. Google Apps
กระแสของเทรนดิจิทัลในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่า ระบบปฏิบัติการอัตโนมัติคือเครื่องชี้ขาดทางการตลาด การอัพเดทของ Google Adwords ไปจนถึง Google Ads ซึ่งนำไปสู่รูปแบบใหม่ ๆ และตัวเลือกมากมายที่สามารถปฏิบัติการโดยอัตโนมัติและเป็นไปได้อย่างชาญฉลาด
Google Ads ยังใช้ machine learning ในการเพิ่มประสิทธิภาพการเสนอราคา ซึ่งช่วยให้คุณได้รับอัตราส่วนของกลุ่มเป้าหมายที่ตอบสนองต่อโฆษณาที่สูงขึ้น และยังช่วยให้คุณติดตามพฤติกรรมหรือวัดผลของกลุ่มลูกค้าได้อีกด้วย
10. การโฆษณาผ่านแอปพลิเคชันส่งข้อความบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก
การโฆษณาผ่านแอปพลิเคชันส่งข้อความเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่คุณจะสามารถใช้เชื่อมโยงกับลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการให้บริการกับลูกค้าและยังช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมอีกด้วย
ปี 2021 การโฆษณาผ่านทางข้อความบนแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็น Facebook Messenger, WeChat, Whatsapp. แอปพลิเคชันเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับธุรกิจในการเข้าถึงลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น Facebook Messenger แอปพลิเคชันนี้มีข้อความมากกว่า 15 พันล้านข้อความระหว่างลูกค้าและผู้โฆษณาในแต่ละเดือน
อ้างอิง :ecomobi.com