SEO & SEM ควรเลือกใช้แบบไหนให้คุ้มค่าและเหมาะกับธุรกิจ
- memarketthink
- 21 เม.ย.
- ยาว 1 นาที

การทำ SEO & SEM ให้เหมาะกับธุรกิจจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับอะไรมากกว่า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ซึ่งบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น มาดูกันว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับกลยุทธ์แบบไหน
SEO & SEM คืออะไร แตกต่างกันยังไง
SEO และ SEM คือ กลยุทธ์ทางการตลาดดิจิทัลที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์บนเครื่องมือค้นหา Google แต่ทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกัน ดังนี้
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับแบบวิธีธรรมชาติ (Organic Search) ด้วยกระบวนการปรับแต่งโครงสร้างและเนื้อหาของเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหา เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้นในหน้าผลลัพธ์การค้นหาโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา
SEM หรือ Search Engine Marketing คือ การทำโฆษณาบนเครื่องมือค้นหา (Paid Search)
ด้วยการทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาด้วยการซื้อโฆษณาบน Google Ads เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับในส่วนของโฆษณาที่แสดงด้านบนของหน้าผลการค้นหา
ธุรกิจที่เหมาะกับการทำ SEO
ธุรกิจที่เหมาะกับการทำ SEO ส่วนใหญ่คือธุรกิจที่ต้องการให้ลูกค้าค้นหาและพบเว็บไซต์ของตนเองผ่าน Google โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา ซึ่งมักจะเป็นธุรกิจที่มีการให้ข้อมูลสินค้า/บริการ และต้องแข่งขันกับธุรกิจอื่นในตลาดเดียวกัน เช่น
ธุรกิจบริการ เช่น คลินิกเสริมความงาม, โรงแรม, บริษัทให้บริการทำความสะอาด
ธุรกิจท้องถิ่น เช่น ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, คลินิกทันตกรรม, คลินิกสัตว์
เหตุผลที่คลินิกควรทำ SEO
1 พฤติกรรมของลูกค้าส่วนใหญ่จะค้นหา "คลินิกใกล้ฉัน" หรือ "รักษาสิวที่ไหนดี" ก่อนเข้ารับบริการเสมอ
2 คลินิกมีการแข่งขันสูงมากในตลาด การติดอันดับสูงช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเลือกคลินิกของคุณได้ง่ายขึ้น
3 ช่วยลดค่าโฆษณาระยะยาว เพราะหากเว็บไซต์ติดอันดับ SEO จะช่วยลดต้นทุนโฆษณา (Google Ads)
4 เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับคลินิก เพราะเว็บไซต์ที่ติดอันดับบนสุดมักได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากขึ้น
ธุรกิจที่เหมาะกับการทำ SEM
ธุรกิจที่เหมาะกับการทำ SEM ส่วนใหญ่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว และต้องการเข้าถึงลูกค้าทันทีเมื่อมีการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ ซึ่งมักเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง และเป็นธุรกิจที่เปิดใหม่ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เช่น
ธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง เช่น คลินิกเสริมความงาม, โรงแรม, ร้านค้าออนไลน์
ธุรกิจที่ต้องการลูกค้าเร่งด่วน เช่น บริการซ่อมฉุกเฉิน, คลินิกสัตว์ที่ต้องการเพิ่มจำนวนผู้จองคิว
เหตุผลที่คลินิกควรทำ SEM
1 เห็นผลลัพธ์ได้เร็วขึ้น และสามารถแสดงผลหน้าแรกของ Google ได้ทันทีเมื่อเริ่มโฆษณา
2 เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด และเลือกให้แสดงเฉพาะคนที่ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับคลินิก
3 กระตุ้นยอดขายได้ทันทีโดยเฉพาะช่วงโปรโมชั่น เช่น ลดราคาโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์วันสงกรานต์
4 ปรับเปลี่ยนแคมเปญได้ง่าย เช่น งบประมาณ โปรโมชัน หัวข้อโฆษณา หรือพื้นที่เป้าหมาย
ทำ SEM และ SEO พร้อมกันได้ไหม

การทำ SEM และ SEO พร้อมกันช่วยให้ธุรกิจได้รับผลลัพธ์ที่ดี ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพราะทั้งสองกลยุทธ์มีจุดแข็งที่ช่วยเสริมกัน ทำให้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามเติบโตได้อย่างมั่นคง และเหตุผลที่ควรทำ SEM และ SEO มีดังนี้
1. เห็นผลลัพธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
SEM เห็นผลเร็ว ช่วยให้ธุรกิจติดหน้าแรกบน Google ทันทีเมื่อเริ่มโฆษณา
SEO ต้องใช้เวลา แต่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับแบบธรรมชาติในระยะยาว
2. เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเจอธุรกิจคุณมากขึ้น
เมื่อทำ SEM และ SEO พร้อมกัน เว็บไซต์อาจปรากฏทั้งแบบ Paid Ads และ Organic Search
ลูกค้าจะเห็นชื่อแบรนด์ของธุรกิจคุณบ่อยขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการคลิกและจองบริการ
3. ลดต้นทุนในการโฆษณาในระยะยาว
SEM ต้องเสียค่าโฆษณาต่อคลิก (PPC) ตลอดเวลา
เมื่อ SEO ติดอันดับแล้วจะช่วยดึงทราฟฟิกฟรี และลดการพึ่งพา SEM
4. ใช้ข้อมูลจาก SEM ปรับปรุง SEO ได้
คีย์เวิร์ดที่ได้ผลดีใน SEM สามารถปรับใช้กับ SEO เช่น ในบทความ, Meta Description หรือ
Landing Page
สามารถวิเคราะห์ CTR (Click-Through Rate) จากโฆษณาเพื่อดูว่า Keyword ไหนดึงดูดลูกค้าได้ดี
5. ช่วยให้ธุรกิจเอาชนะคู่แข่งได้ง่ายขึ้น
หากธุรกิจคลินิกเสริมความงามของคุณทำทั้ง SEM และ SEOโอกาสที่จะดึงดูดกลุ่มเป้าหมายและชนะธุรกิจของคู่แข่งที่ใช้แค่กลยุทธ์เดียวก็สูงขึ้น