top of page

การทำ SEO เว็บไซต์สำหรับมือใหม่ ให้ติดหน้าแรกบน Google

  • memarketthink
  • 2 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 2 นาที

การทำ SEO เว็บไซต์สำหรับมือใหม่ ให้ติดหน้าแรกบน Google

หากคุณเป็นมือใหม่ที่ต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google การทำ SEO ช่วยได้ ซึ่งบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักวิธีทำ SEO ตั้งแต่พื้นฐาน จนถึงเทคนิคที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับสูงขึ้นได้ในอนาคต



SEO เว็บไซต์ คืออะไร

SEO หรือ Search Engine Optimization คือกระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงขึ้นบนผลการค้นหาของ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ซึ่งจะเน้นการปรับปรุงเนื้อหา โครงสร้างเว็บไซต์ และปัจจัยภายนอก เช่น Backlinks เพื่อให้ผู้คนค้นหาเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น ทำให้มีผู้เข้าชมแบบออแกนิกและไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเพิ่มเติม



วิธีหาคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพ (Keyword Research)

1 วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายว่ากำลังมองหาข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับธุรกิจคุณ พร้อมกำหนดวัตถุประสงค์ เช่น เพื่อเพิ่มยอดขาย หรือเพิ่มจำนวนผู้เข้าชม


2  ใช้เครื่องมือหาคีย์เวิร์ด เช่น Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google Ads Ubersuggest เป็นเครื่องมือค้นหาไอเดียคีย์เวิร์ดและวิเคราะห์คู่แข่ง Ahrefs เป็นเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเชิงลึกและดูคู่แข่ง


3 สำรวจคีย์เวิร์ดจาก Google โดยใช้ Google Suggest เพื่อดูคำแนะนำอัตโนมัติ ใช้ Related Searches คำค้นหาที่เกี่ยวข้องที่แสดงด้านล่างผลการค้นหา และเช็ก People Also Ask เกี่ยวกับคำถามที่พบบ่อยใน Google


4 วิเคราะห์ความยากและปริมาณการค้นหาด้วยการเลือกคีย์เวิร์ดที่มีการค้นหาสูงแต่มีการแข่งขันต่ำ และใช้ Long-Tail Keywords (คีย์เวิร์ดยาว) เช่น ใช้คำว่า “คลินิกฉีดฟิลเลอร์ราคาถูกที่ไหนดี” แทนคำว่า “ฟิลเลอร์”


5. ตรวจสอบคู่แข่ง ด้วยการค้นหาคีย์เวิร์ดเป้าหมายบน Google และดูเว็บไซต์ที่ติดอันดับ จากนั้นใช้ Ahrefs หรือ SEMrush วิเคราะห์ว่าคู่แข่งใช้คีย์เวิร์ดใดและนำมาใช้กับเว็บไซต์ของคุณ


6. ใส่คีย์เวิร์ดลงใน Title, Meta Description, Headings, URL และเนื้อหา และหลีกเลี่ยงการยัดคีย์เวิร์ดมากเกินไป (Keyword Stuffing)



การปรับแต่งด้านเทคนิค (Technical SEO)

การปรับแต่งด้านเทคนิค (Technical SEO)

Technical SEO คือ การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการทำงานของ Google เพื่อช่วยให้บอทของเครื่องมือค้นหาสามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นทำให้สะดวกต่อผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น

1. ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์

  • ใช้ GTmetrix วิเคราะห์ความเร็วเว็บไซต์ 

  • ลดขนาดรูปภาพโดยใช้ WebP หรือ JPEG 2000

  • ใช้ระบบแคช Cache หรือ CDN เช่น Cloudflare

  • ลดการใช้โค้ด JavaScript และ CSS ที่ไม่จำเป็น


2. ทำให้เว็บไซต์รองรับมือถือ

  • ตรวจสอบว่าเว็บไซต์รองรับ Mobile-First Indexing

  • ใช้ Responsive Design ที่รองรับทุกขนาดหน้าจอ

  • ทดสอบด้วย Google Mobile-Friendly Test


3. ปรับโครงสร้าง URL

  • ใช้ URL ที่อ่านง่าย เช่น memarketthink.com, Agencyclinic.com

  • หลีกเลี่ยงการใช้ URL ที่ยาวและซับซ้อนเกินไป

  • ใช้ Breadcrumbs เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์


4. สร้างและส่ง XML Sitemap

  • สร้าง XML Sitemap และส่งไปที่ Google Search Console

  • ตรวจสอบว่า Sitemap ครอบคลุมทุกหน้าสำคัญของเว็บไซต์


5. ปรับแต่งไฟล์ robots.txt

  • ใช้ robots.txt เพื่อควบคุมการเข้าถึงของบอท Google

  • ป้องกันไม่ให้ Google จัดทำหน้าที่ไม่จำเป็น เช่น หน้า Login หรือ Cart


6. ตรวจสอบปัญหาการทำ Indexing

  • ใช้ Google Search Console ตรวจสอบว่าหน้าเว็บทั้งหมดถูกจัดทำถูกหรือไม่

  • แก้ปัญหาหน้า Crawl Errors และ Duplicate Content


7. ปรับปรุงความปลอดภัยของเว็บไซต์ 

  • ใช้ SSL Certificate (HTTPS) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

  • ป้องกัน Broken Links และมัลแวร์



การทำลิงก์ภายนอกให้มีคุณภาพ (Backlinks)

1. สร้างเนื้อหาคุณภาพ

เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาบทความดี มีคุณค่า มีข้อมูลเชิงลึก และมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมักจะได้รับ Backlinks จากเว็บไซต์อื่นที่ต้องการอ้างอิงข้อมูล ดังนั้นควรสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพจึงจะสามารถดึงดูดลิงก์จากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องและมีความน่าเชื่อถือได้


2. เขียนบทความให้เว็บไซต์อื่น

เขียนบทความให้เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกันสามารถใส่ลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์ของคุณได้ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มค่า DA และสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ นอกจากนี้ควรเลือกเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมสูงเพื่อให้ได้ Backlinks ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น



การปรับ On-Page SEO vs. Off-Page SEO

On-Page SEO และ Off-Page SEO เป็นสององค์ประกอบหลักของการทำ SEO ที่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ซึ่งมีวิธีการปรับที่แตกต่างกัน ดังนี้ 



การปรับ On-Page SEO

1 ใส่คีย์เวิร์ดใน Title Tag, Meta Description, URL, Headings, หรือเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติ และหลีกเลี่ยง Keyword Stuffing


2 เนื้อหาต้องเป็นประโยชน์ อ่านง่าย และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน นอกจากนี้ควรใช้รูปภาพ, วิดีโอ, หรือหัวข้อย่อยเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ


3 ใส่ลิงก์เชื่อมโยงไปยังบทความอื่น ๆ ในเว็บไซต์ เพื่อให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์และเพิ่มเวลาให้ผู้ใช้งานอยู่ในเว็บไซต์นานขึ้น


4 เพิ่ม Alt Text ในรูปภาพ โดยใส่คำอธิบายในรูปภาพให้ Google เข้าใจและช่วยในการทำ Image SEO


5 ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ ด้วยการลดขนาดรูปภาพ ใช้ระบบแคช หรือ CDN และใช้ Google PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงเว็บไซต์


6 ปรับแต่ง Meta Tags ให้ดึงดูด ด้วยการเขียน Title ไม่เกิน 60 ตัวอักษร โดยใส่คีย์เวิร์ดต้นประโยคและเขียน Meta Description ให้น่าสนใจและกระตุ้นให้เกิดการคลิก



การปรับ Off-Page SEO

1 สร้างลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือและเกี่ยวข้อง ด้วยการใช้วิธี Guest Posting, HARO, Broken Link Building


2 ใช้ Social Media ช่วยโปรโมทเว็บไซต์ด้วยแชร์บทความผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ และใช้ Quora และ Reddit เพื่อสร้างลิงก์ทางอ้อม


3 ทำ Local SEO และ Google My Business ผ่านลงทะเบียนธุรกิจใน Google My Business และใช้ NAP (Name, Address, Phone Number) ที่สอดคล้องกันทุกแพลตฟอร์ม


4 ติดต่อ Influencer ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้แชร์เนื้อหาหรือเสนอการร่วมงาน เช่น การเชิญ Influencer สายความงามมาทดลองบริการที่คลินิกฟรี


การปรับ On-Page SEO vs. Off-Page SEO


snapedit_1706672974576_edited.jpg

ME POWER Digital Agency

สร้างปรากฏการณ์ให้กับคลินิกของคุณ! ปั้นแบรนด์ให้ติดตลาดด้วยกลยุทธ์ดิจิทัลสุดล้ำ

Logo  Line
bottom of page