7 เคล็ดลับการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อลดไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ
- memarketthink
- 23 เม.ย.
- ยาว 1 นาที

การสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันไปพร้อมกันเป็นเป้าหมายของใครหลายคนที่ต้องการกระชับรูปร่างให้แข็งแรงและดูสุขภาพดี และหลายคนมักเข้าใจผิดว่าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างการสร้างกล้ามเนื้อหรือการลดไขมัน แต่ในความเป็นจริงหากปฏิบัติอย่างถูกวิธีสามารถเผาผลาญไขมันไปพร้อมกับการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้
ความสำคัญของการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อลดไขมัน
การสร้างกล้ามเนื้อมีความสำคัญต่อการลดไขมันเป็นอย่างมาก เพราะกล้ามเนื้อเป็นเนื้อเยื่อที่ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้นแม้ไม่ได้ออกกำลังกาย ซึ่งการมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะช่วยปรับให้รูปร่างฟิตและกระชับ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์จากการลดน้ำหนักแบบผิดวิธี ทำให้สามารถลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สร้างกล้ามเนื้อบริเวณไหนได้บ้าง
หากต้องการสร้างกล้ามเนื้อให้สมดุลควรฝึกกล้ามเนื้อให้เหมาะสม โดยเลือกท่าออกกำลังกายที่ครอบคลุมกล้ามเนื้อหลายมัดร่วมกับท่าเฉพาะส่วน เพื่อให้มีประสิทธิภาพต่อการลดน้ำหนัก
1. กล้ามเนื้อส่วนบน (Upper Body)
กล้ามเนื้อหน้าอก ฝึกด้วยท่า Bench Press, Push-ups
กล้ามเนื้อหลัง ฝึกด้วยท่า Pull-ups, Deadlifts
กล้ามเนื้อไหล่ ฝึกด้วยท่า Shoulder Press, Lateral Raises
กล้ามเนื้อแขน ฝึกด้วยท่า Barbell Curl, Dumbbell Curl, Triceps Dips, Skull Crushers
2. กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core Muscles)
กล้ามเนื้อหน้าท้อง ฝึกด้วยท่า Crunches, Planks
กล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง ฝึกด้วยท่า Hyperextensions, Deadlifts
3. กล้ามเนื้อส่วนล่าง (Lower Body)
กล้ามเนื้อขา ฝึกด้วยท่า Squats, Lunges, Romanian Deadlifts, Leg Curls
กล้ามเนื้อสะโพกและก้น ฝึกด้วยท่า Hip Thrusts, Glute Bridges
กล้ามเนื้อน่อง ฝึกด้วยท่า Calf Raises
7 วิธีสร้างกล้ามเนื้อเพื่อลดไขมันที่ได้ดี
1. อาหาร
กินโปรตีนให้เพียงพอประมาณ 1.6 - 2.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพื่อสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
เลือกกินคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่ดี เช่น ข้าวกล้อง, มันหวาน,อะโวคาโด, ถั่ว, และน้ำมันมะกอก หากต้องการลดไขมันควรกินแคลอรีน้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญ และหากต้องการสร้างกล้ามเนื้อควรกินแคลอรีมากกว่าที่ร่างกายเผาผลาญเล็กน้อย
2. ออกกำลังกาย
ออกกำลังกายมากขึ้นเมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้แล้วเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ ทำคาร์ดิโออย่างเหมาะสม เพื่อช่วยเผาผลาญไขมันโดยไม่เสียกล้ามเนื้อ และ ฝึกเวทเทรนนิ่งเป็นหลัก เช่น Squats, Deadlifts, Bench Press ที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกัน
3. ดื่มน้ำและพักผ่อน
ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย 350-470 มิลลิลิตร/วัน หรือดื่มน้ำ 200-300 มิลลิลิตร
ในระหว่างออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อทุก ๆ 15 นาที ควรพักผ่อน 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เพราะการนอนมีผลโดยตรงต่อการสร้างกล้ามเนื้อและการเผาผลาญไขมัน และควรมีวันพักกล้ามเนื้อเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บและ
โอเวอร์เทรนนิ่ง
4. Emsculpt
เป็นเครื่องมือที่ใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูง (HIFEM) กระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดตัวอย่างรุนแรงซึ่งมากกว่าการออกกำลังกายปกติ สามารถช่วยสร้างและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เผาผลาญไขมันสะสมบางส่วนไปพร้อมกัน และเห็นผลได้ในระยะ 4-6 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละบุคคล
5. CoolSculpting
เป็นเครื่องที่ใช้ความเย็นจัด -11°C ถึง -13°C ทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและเริ่มสลายไป จากนั้นร่างกายจะกำจัดเซลล์ไขมันออกทางเดินปัสสาวะ สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้ 20-25% ต่อการรักษาหนึ่งครั้ง และเห็นผลได้ในระยะ 2-3 เดือนหลังทำ
6. ฉีดลดไขมัน
เป็นเทคโนโลยีลดไขมันที่ใช้พลังงานต่าง ๆ เช่น RF ส่งคลื่นวิทยุเข้าไปช่วยลดไขมันและกระชับผิว Ultrasound Cavitation ใช้คลื่นเสียงทำให้เซลล์ไขมันแตกตัว Laser Lipolysis ใช้แสงเลเซอร์ทำให้ไขมันแตกตัว สามารถช่วยลดไขมันสะสมใต้ผิวหนังและกระชับสัดส่วนให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
7. ปากกาลดน้ำหนัก
เป็นตัวยาที่ใช้ฉีดเพื่อช่วยลดความอยากอาหารและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยตัวยาในกลุ่มนี้เลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและเผาผลาญไขมันมากขึ้น สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ 5-15% ของน้ำหนักตัว ลดไขมันในร่างกายและช่วยควบคุมระดับอินซูลิน
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการลดไขมัน

1 ออกกำลังกายเฉพาะจุดไขมันส่วนนั้นจะหายไป
ความจริงคือไม่สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้โดยตรง เช่น การทำซิทอัพเยอะ ๆ ไม่ได้ช่วยลดไขมันหน้าท้องให้มีประสิทธิภาพได้ เพราะการเผาผลาญไขมันมาจากกระบวนการทั่วร่างกายไม่ใช่แค่บริเวณที่ออกกำลังกายเท่านั้น
2. คาร์ดิโออย่างเดียวก็ช่วยลดไขมันได้เพียงพอ
ความจริงคือต้องออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง 3-5 วัน/สัปดาห์ ควบคู่กับการทำคาร์ดิโอเสริม 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ ถึงจะสามารถสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการทำคาร์ดิโออย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการเผาผลาญพลังงานและช่วยรักษากล้ามเนื้อระหว่างที่ลดไขมันได้
3. ยิ่งออกกำลังกายมากเท่าไหร่ยิ่งลดไขมันได้ดี
ความจริงคือการออกกำลังกายหนักเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะโอเวอร์เทรนนิ่ง และส่งผลเสียต่อฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ลดไขมันและสร้างกล้ามเนื้อได้ยากขึ้น ดังนั้น ควรออกกำลังกาย 45-75 นาทีต่อเซสชัน และไม่ออกกำลังกายโหมจนเกินไป
4. กินน้อย ๆ เพื่อลดไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ
ความจริงการกินแคลอรีน้อยเกินไปอาจทำให้สูญเสียกล้ามเนื้อและทำให้ระบบเผาผลาญช้าลง การลดน้ำหนักก็จะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้นควรกินโปรตีนให้เพียงพอ กินแคลอรีให้เพียงพอสำหรับสร้างกล้ามเนื้อ และเน้นอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนไม่ใช่แค่ลดแคลอรี
5. กินอาหารเสริมถึงจะลดไขมันและสร้างกล้ามเนื้อได้
ความจริงอาหารเสริมเป็นตัวช่วยแต่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น หากได้รับสารอาหารเพียงพอจากมื้ออาหารอยู่แล้ว เพราะการลดไขมันเพื่อสร้างกล้ามเนื้อขึ้นอยู่กับอาหารและการออกกำลังกายเป็นหลัก และควรกินอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว ธัญพืช ที่จำเป็นต่อร่างกายเป็นประจำทุกวัน