การโฆษณาบน Facebook เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่มีนัยสำคัญ โดยมีผู้ใช้ทั่วโลกที่ใช้ Facebook มากถึง 8,049 ล้านคน ซึ่งครอบคลุมมากถึง 37.6% จากประชากรโลก โดยจุดเด่นของการโฆษณาบน Facebook คือ ความสามารถในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสนใจ เพศ อายุ พฤติกรรม อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อโซเชียลมีเดีย ตำแหน่ง รวมถึงผู้ที่เคยเข้าเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงยังสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามจุดประสงค์ของการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) สร้างความเชื่อมั่นและโอกาสตัดสินใจในการซื้อสินค้าหรือบริการ (Consideration) และเพิ่มยอดขายด้วยการโฆษณาแบบ Conversion อันที่จริงแล้ว เพื่อให้สามารถนำมาใช้เพื่อสร้างผลลัพธ์การทำการตลาดที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
ในปี 2023 Facebook ยังคงมีสถิติที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเป็น Social Media แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก
-Facebook ติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับ Social Media แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก
-ไตรมาสที่สองของปี 2023 เทียบกับปี 2022 พบว่า Facebook มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นประมาณ 96 ล้านคน
-จำนวนผู้ใช้ Facebook ในแต่ละเดือน เพิ่มขึ้นประมาณ 26 ล้านคน
-Facebook มี MAU (Monthly Active User) ยอดคนใช้งานต่อเดือน 3,030 ล้านบัญชี (ข้อมูล ณ เดือน ก.ค. 2023)
-37.6% ของจำนวนคนทั้งโลกที่มี 8,049 ล้านคน ใช้ Facebook
-หากไม่นับประชากรที่อยู่ในจีน ซึ่ง Facebook ถูกบล็อกการใช้งาน จะพบว่า มีคนใช้แพลตฟอร์มถึง 59.1%
-ประเทศไทยติดอันดับ 8 ที่มีจำนวนผู้ใช้งาน Facebook มากที่สุดในโลก (ข้อมูล ณ เดือน ม.ค. 2023)
-10 อันดับ ประเทศที่มีผู้ใช้ Facebook มากที่สุดในปี 2023 ได้แก่ อินเดีย, สหรัฐอเมริกา, อินโดนีเซีย, บราซิล, เม็กซิโก, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ไทย, บังคลาเทศ และอียิปต์ (ข้อมูล ณ เดือน ม.ค. 2023)
โดยรวมแล้ว โฆษณาบน Facebook นำเสนอช่องทางที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับแบรนด์ต่างๆ ในการขยายการเข้าถึงและรับลูกค้าใหม่ สิ่งเหล่านี้สามารถขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมาก การสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องโดย Facebook จะเปิดโอกาสใหม่ๆ ในอนาคต ความคิดสร้างสรรค์ที่น่าสนใจ และการเพิ่มประสิทธิภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจะยังคงเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ หน่วยงานมีแนวโน้มที่จะมีเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์เฉพาะทางที่สามารถทำให้งานที่ต้องทำเองเป็นอัตโนมัติได้ ซึ่งจะช่วยขจัดปัญหาคอขวดและช่วยให้ทั้งพนักงานธุรกิจและตัวแทนมุ่งความสนใจไปที่งานเชิงกลยุทธ์ที่มีมูลค่าสูง แทนที่จะรับผิดชอบด้านการบริหารหรือความรับผิดชอบซ้ำๆ ด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจสามารถทำงานได้มากขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง และจัดสรรทรัพยากรใหม่ให้กับหน้าที่หลักได้